การปลูกกระดูก

ความสำเร็จของการทำรากฟันเทียมขึ้นอยู่กับการมีกระดูกขากรรไกรที่แข็งแรงและเพียงพอ เพราะกระดูกเป็นฐานสำคัญที่ช่วยให้รากฟันเทียมมั่นคงและใช้งานได้ยาวนานหลายปี แต่เมื่อมีการสูญเสียฟัน กระดูกบริเวณนั้นจะค่อย ๆ ยุบตัวลงเนื่องจากขาดแรงกระตุ้น ทำให้เมื่อเวลาผ่านไป การฝังรากฟันเทียมอาจทำได้ยาก หรือไม่สามารถทำได้เลยหากไม่ผ่านขั้นตอนเพิ่มเติมมาก่อน

การปลูกกระดูกจึงเข้ามามีบทบาทสำคัญในกระบวนการฟื้นฟูช่องปาก ขั้นตอนนี้ช่วยสร้างและทดแทนกระดูกที่สูญเสียไป เพื่อเตรียมพื้นที่ให้พร้อมสำหรับการฝังรากฟันเทียมอย่างมั่นคงและปลอดภัย หากคุณมีปัญหากระดูกละลายจากการสูญเสียฟัน อุบัติเหตุ หรือโรคเหงือก การปลูกกระดูกอาจเป็นขั้นตอนที่จำเป็นทั้งก่อนหรือระหว่างการฝังรากฟันเทียม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แข็งแรงและยาวนานเหมือนฟันธรรมชาติ

1. การปลูกกระดูกก่อนการฝังรากฟันเทียม

ในบางกรณีผู้ป่วยอาจมีกระดูกขากรรไกรละลายหรือยุบตัวไปมาก ไม่ว่าจะเป็นในด้านความสูงหรือความกว้างของกระดูก ทำให้ไม่สามารถรองรับรากฟันเทียมได้อย่างมั่นคง หากฝังทันทีอาจทำให้รากฟันเทียมไม่แข็งแรงในระยะยาว

ในภาพเอกซเรย์แรก สามารถเห็นได้ชัดว่ามีการสูญเสียกระดูกอย่างมากบริเวณฟันกรามล่างซี่แรกด้านซ้าย พื้นที่มืดและเว้าแสดงให้เห็นว่าสันกระดูกมีความบางเกินไป ไม่สามารถรองรับรากฟันเทียมได้อย่างปลอดภัย
หลังจากทำการปลูกกระดูก ภาพเอกซเรย์ติดตามผลจะแสดงการสร้างกระดูกใหม่ขึ้นมาอย่างชัดเจน บริเวณดังกล่าวมีความหนาแน่นมากขึ้นและเต็มขึ้น แสดงถึงการเจริญเติบโตของกระดูกที่แข็งแรง ทำให้ตำแหน่งนี้พร้อมสำหรับการฝังรากฟันเทียมอย่างมั่นคงและยาวนาน

Bone graft 1

ในภาพถ่ายเริ่มต้นจะเห็นได้ชัดว่ามีการสูญเสียความกว้างของกระดูก สันกระดูกได้ยุบตัวเข้าด้านใน ซึ่งหากทำการฝังรากฟันเทียมในสภาพนี้จะส่งผลให้มีการปกคลุมของกระดูกไม่เพียงพอ และอาจทำให้เกิดปัญหาความไม่มั่นคงในระยะยาว
หลังจากทำการปลูกกระดูก (Bone Grafting) ภาพถ่ายติดตามผลแสดงให้เห็นว่าสันกระดูกกลับมามีรูปร่างที่สมบูรณ์มากขึ้น มีปริมาณกระดูกเพียงพอและเนื้อเยื่อเหงือกแข็งแรง ส่งผลให้บริเวณดังกล่าวพร้อมอย่างเต็มที่สำหรับการฝังรากฟันเทียม รองรับได้ทั้งในด้านความแข็งแรง ความมั่นคง และสุขภาพช่องปากโดยรวม

Bone graft 2

2. การปลูกกระดูกพร้อมการฝังรากฟันเทียม

Bone Graft 2

การปลูกกระดูกพร้อมการฝังรากฟันเทียม

การยกไซนัส

ไซนัสคือโพรงอากาศที่อยู่เหนือฟันกรามด้านบน เมื่อฟันในบริเวณนี้สูญเสียไป กระดูกขากรรไกรส่วนบนจะค่อย ๆ บางลง และไซนัสมีแนวโน้มที่จะหย่อนหรือขยายลงมา ทำให้ ความสูงของกระดูกลดลง และส่งผลให้การฝังรากฟันเทียมทำได้ยากขึ้น

ยิ่งปล่อยทิ้งไว้นานโดยไม่ได้รับการรักษา กระดูกก็จะยิ่งสูญเสียมากขึ้น การทำ การผ่าตัดยกไซนัส จึงเป็นวิธีสำคัญในการเพิ่มความสูงของกระดูกขากรรไกรบริเวณด้านบน เพื่อสร้างพื้นที่และความแข็งแรงเพียงพอสำหรับการใส่รากฟันเทียมอย่างมั่นคงและปลอดภัย

ที่ SmileBox Dental เราจะใช้การตรวจเอกซเรย์ 3 มิติ (CT Scan) เพื่อวัด ความสูงของกระดูกขากรรไกรด้านบน ว่ามีเพียงพอสำหรับการใส่รากฟันเทียมหรือไม่ โดยปกติรากฟันเทียมจะมีความยาวเฉลี่ย 8–10 มิลลิเมตร ซึ่งต้องการกระดูกอย่างน้อย 10–12 มิลลิเมตร เพื่อรองรับการฝังรากฟันเทียมอย่างปลอดภัยและมั่นคง

หากตรวจพบว่าความสูงของกระดูกมีไม่เพียงพอ ทันตแพทย์จะแนะนำให้ทำ การยกไซนัส (Sinus Lift) เพื่อเพิ่มปริมาณกระดูกก่อนการใส่รากฟันเทียม

ในการรักษาจะมีเทคนิคการทำอยู่ 2 แบบ ซึ่งเลือกใช้ตาม ระดับความสูงของกระดูกที่เหลืออยู่

1. การยกไซนัสแบบปิด

  • เป็นเทคนิคที่มีความบาดเจ็บน้อย (Minimally Invasive) เหมาะสำหรับผู้ที่ยังมีกระดูกขากรรไกรเพียงพออยู่แล้ว แต่ต้องการเพิ่มเพียง 1–4 มิลลิเมตร เพื่อรองรับรากฟันเทียมให้มั่นคง
  • ขั้นตอนการรักษาจะทำการยกไซนัสขึ้นอย่างอ่อนโยนผ่านตำแหน่งที่จะฝังรากฟันเทียม
  • อาจมีการเติมวัสดุกระดูก (Bone Graft) เพื่อเพิ่มปริมาณกระดูกที่เพียงพอ โดยส่วนใหญ่ สามารถฝังรากฟันเทียมได้ในคราวเดียวกัน ทำให้ลดจำนวนครั้งในการรักษาและประหยัดเวลา
  • ค่ารักษา: 15,000 – 35,000 บาท

ตัวอย่างจากการตรวจ CT Scan พบว่าบริเวณที่จะฝังรากฟันเทียมมีความสูงของกระดูก 7.0–7.6 มิลลิเมตร ขณะที่รากฟันเทียมมีความยาวเฉลี่ย 8 มิลลิเมตร ดังนั้นจำเป็นต้องเพิ่มกระดูกอีกเพียง 1–3 มิลลิเมตร จึงสามารถใช้เทคนิคการยกไซนัสแบบปิดได้อย่างเหมาะสม

Closed Sinus Lift

1. เทคนิค Osteotome - เป็นวิธีที่ใช้ เครื่องมือเฉพาะทาง เพื่อยกพื้นไซนัสอย่างระมัดระวัง พร้อมกับฝังวัสดุกระดูก (Bone Graft) ไปพร้อมกัน เทคนิคนี้ช่วยให้เพิ่มความสูงของกระดูกได้อย่างปลอดภัยและแม่นยำ ลดความเสี่ยงต่อการทะลุเยื่อบุไซนัส และมักสามารถฝังรากฟันเทียมพร้อมกันได้ในครั้งเดียว

147

2. เทคนิค Osseodensification ด้วย Densah Burs - เป็นเทคนิคขั้นสูงที่ช่วยรักษากระดูกเดิมไว้ พร้อมกับอัดและขยายกระดูก เพื่อเพิ่มความมั่นคงให้กับรากฟันเทียม เทคนิคนี้มีข้อดีคือ ไม่จำเป็นต้องใช้วัสดุกระดูก (Bone Graft) เพราะสามารถสร้างฐานกระดูกที่แข็งแรงได้ด้วยตัวเอง ทำให้ลดขั้นตอนการรักษาและเวลาฟื้นตัวสำหรับผู้ป่วย

147

ที่ศูนย์ทันตกรรม SmileBox Implant & Cosmetic Center ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของเรามีประสบการณ์และความชำนาญสูงในการทำทั้ง 2 เทคนิค เพื่อให้มั่นใจว่าผลลัพธ์มีความแม่นยำ ปลอดภัย และประสบความสำเร็จสูงสุดสำหรับคนไข้ทุกคน

2. การยกไซนัสแบบเปิด

  • ใช้ในกรณีที่ต้องการเพิ่มความสูงของกระดูก มากกว่า 4 มิลลิเมตร ขั้นตอนจะทำโดยการเปิดช่องเล็กด้านข้างของขากรรไกรบน ยกเยื่อบุไซนัสขึ้น และเติมวัสดุกระดูกลงในพื้นที่เพื่อสร้างฐานรองรับรากฟันเทียม
  • การฝังรากฟันเทียมสามารถทำได้ ทันทีหลังการยกไซนัส หรือ รอให้แผลหายก่อน ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น สภาพไซนัส คุณภาพกระดูก และชนิดของวัสดุกระดูกที่ใช้
  • ระยะเวลาการฟื้นตัวหลังการยกไซนัสแบบเปิดมักอยู่ระหว่าง 4–12 เดือน ขึ้นกับสภาพกระดูกและการตอบสนองของผู้ป่วย
  • ค่ารักษา: 35,000 – 50,000 บาท

จากการตรวจ CT Scan พบว่าบริเวณที่จะฝังรากฟันเทียมมีความสูงของกระดูกเพียง 1.0–1.8 มิลลิเมตร เนื่องจากรากฟันเทียมที่ใช้มีความยาวเฉลี่ย 8 มิลลิเมตร จึงจำเป็นต้องเพิ่มความสูงของกระดูก ประมาณ 7–8 มิลลิเมตร ซึ่งทำให้เทคนิคการยกไซนัสแบบปิดไม่เหมาะสม
ในกรณีนี้ แพทย์จึงเลือกใช้เทคนิคยกไซนัสแบบเปิด โดยทำการเปิดช่องด้านข้างของขากรรไกรบน ยกเยื่อบุไซนัสขึ้น และเติมวัสดุกระดูก เพื่อเตรียมพื้นที่ให้เพียงพอสำหรับการฝังรากฟันเทียมอย่างมั่นคง

Closed Sinus Lift

147

หากคุณได้รับคำแนะนำว่าต้องปลูกกระดูกหรือยกไซนัสก่อนการใส่รากฟันเทียม ทีมผู้เชี่ยวชาญของเราที่ SmileBox Implant & Cosmetic Center พร้อมดูแลคุณอย่างมืออาชีพ ติดต่อเราเพื่อเข้ารับคำปรึกษาและสร้างฐานกระดูกที่มั่นคง สำหรับรอยยิ้มใหม่ของคุณได้ตั้งแต่วันนี้

ทำนัดหมายตอนนี้

เพียงส่งอีเมลสอบถาม พร้อมแนบรูปถ่ายฟันที่ชัดเจน มาที่ [email protected]
ทีม Dental Consultant ของเราจะติดต่อกลับไปหาคุณโดยเร็วที่สุด

โทรหาเราได้ทันทีที่ (+66)2-402-9542
หรือแชทผ่าน Whatsapp (+66)63-352-3691

เราพร้อมดูแลคุณ และทำให้คุณกลับมายิ้มได้อย่างมั่นใจอีกครั้ง