fbpx

ทันตแพทย์แนะเช็ก “ฟัน” ทุก 6 เดือน รีบรักษาก่อนเกิดปัญหาใหญ่ เสี่ยงกระเป๋าฉีก!

วันที่ 2 กรกฎาคมที่ผ่านมา ทางทีม SmileBox ได้ไปออกบูธที่สายย่านมิตรทาวน์ฮอลล์ ชั้น 5 ที่งาน Thailand Health Care “เกษียณสโมสร” ที่งานแฟร์สุขภาพอันดับ 1 ของประเทศ ที่จัดโดยเครือมติชน พร้อมกับพันธมิตรสุขภาพทั้งภาครัฐและเอกชน บอกเลยมางานนี้เหมาะสำหรับคนที่ใส่ใจสุขภาพตัวเองก่อนวัยเกษียณ รวมถึงคนรอบข้าง ซึ่งงานนี้เหมาะกับในยุคที่ไทยก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุสุดๆ

ในงานจะมีการจัดกิจกรรมกลางบนเวที ที่ได้เปิดโอกาสให้มาพูดคุยในหัวข้อ “นวัตกรรมความงานทันตกรรม 2023” โดย ทพ. วิเชษฐ์ ปาเตีย หรือหมอเชษฐ์ที่เรารู้จักกันดีนั่นเอง หมอเชษฐ์ได้แชร์เรื่องราวมุมมองต่างๆ ในเรื่องของทันตกรรมไว้ว่า “เมื่อพูดถึงเรื่องคลินิกทำฟัน หมอเชื่อว่าหลายๆคนอาจจะมีประสบการณ์ที่ไม่ดีเกี่ยวกับเรื่องทำฟัน อาจจะเกิดจากประสบการณ์วัยเด็กของแต่ละคน ที่ผู้ใหญ่มักจะชอบขู่เด็กว่า “ถ้าดื้อเดี่ยวจะพาไปทำฟันนะ” ที่ทำให้เกิดอาการฝั่งใจในระยะยาว ที่ทำให้รู้สึกไม่อยากทำฟัน เพราะน่ากลัว ซึ่งในการตรวจเช็คสุขภาพฟัน จะมีอย่างนึงที่ต้องหมันไปตรวจเป็นประจำ คือขูดหินปูน และตรวจเช็กฟันผุทุกๆ 6 เดือน บอกได้เลยนะครับ ถ้าปล่อยไว้ หรือละเลยเป็นเวลานาน จะทำให้ปัญหาที่อาจจะมีแค่เล็กน้อย เกิดเป็นปัญหาระยะยาวได้ ไม่ว่าจะการรักษาที่ยากขึ้น รวมถึงการใช้ระยะเวลาที่นานมากขึ้น รวมไปถึงค่ารักษาที่แพงขึ้นกว่าเดิมด้วย นี่คือส่วนคัญที่สุดที่ทุกคนจะต้องเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อคลินิกทำฟัน” 

3 อย่าง คือ แพง เจ็บ ใช้เวลานาน คนก็จะยิ่งไม่อยากไปทำฟัน คลินิกทำฟันควรจะสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ป่วย ให้ครอบคลุมถึงการดูแลฟันที่บ้าน เช่น แปรงฟันให้ดี ถูกวิธี เพราะถ้าแปรงฟันไม่ดีก็อาจส่งผลให้ทุกอย่างในการรักษาฟันล้มเหลวไปด้วย” ทพ.วิเชษฐ์ กล่าว

ทั้งนี้หมอเชษฐ์ยังได้ให้คำนิยามของคนที่เข้ามารักษาที่คลินิกทำฟัน SmileBox นี้โดยจะแบ่งออกมาเป็น 2 กลุ่มหลัก  คือ  1. เพื่อความสวยงาม โดยจะส่งเสริมให้มีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น  เช่น เปลี่ยนสีฟัน, เปลี่ยนรูปร่างฟัน ในหลายๆครั้งการทำฟันเพื่อความสวยงาม จะต้องปรึกษาทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนทำ เพื่อให้ออกมาเข้ากับคนที่ เพราะการใช้ฟันบดเคี้ยว อาจจะทำให้รูปหน้าเปลี่ยน หรือส่งผลต่อขากรรไกรและรูปหน้าได้ และ 2. กลุ่มคนที่รักษาเพื่อการใช้งาน แต่จะต้องสอดคล้องกับความสวยงามด้วย เช่น หลายๆคนเลือกที่จะจัดฟันใส เพื่อไม่ให้เห็นอุปกรณ์ที่ยึดติดฟัน แต่ไม่ว่าจะรักษาหรือทำฟันแบบไหน ก็ควรพบทันตแพทย์เฉพาะทางนั้นๆ หรือถ้ามีปัญหาเรื่องฟันมากๆ ก็อาจจะต้องให้ทันตแพทย์เฉพาะทางหลายๆ ด้านมาปรึกษาร่วมกัน เพื่อให้การรักษาออกมาดีที่สุด

หมอเชษฐ์ยังเสริมอีกว่า “นวัตกรรมการรักษาฟันในตอนนี้จะทันสมัยมากขึ้น อย่างการใช้เครื่องสแกนฟันแทนการพิมพ์ปาก เพื่อให้แพทย์วางแผนในการรักษา และยังสามารถดูภาพก่อนและหลังการรักษา เปรียบเทียบให้คนไข้ได้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้น และสะดวก ต่อแพทย์ที่นำมาใช้ในการอธิบายให้คนไข้เข้าใจมากยิ่งขึ้นด้วย เพราะเห็นภาพก่อนและหลังรักษาได้เลย ช่วยทำให้คนที่มารักษาก็จะเห็นความคืบหน้าและตัดสินใจได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ส่วนปัญหาช่องว่างระหว่างฟัน ก็สามารถทำรากฟันเทียม ทำสะพานฟัน การจัดฟัน เพื่อปิดช่องว่างนั้น”

“ในการวางแผนรักษาฟัน ความคิดของหมอก็คือ ส่วนหนึ่งประกอบการตัดสินใจ แต่ที่สำคัญคือ ความต้องการของคนไข้ หมออาจแนะนำว่าฟันเล็ก สามารถทำวีเนียร์ (Dental Veneers) เพื่อเปลี่ยนรูปร่างฟัน แต่ถ้าคนไข้ไม่ได้ต้องการส่วนนี้ ก็อาจไม่ใช่ทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด” หมอเชษฐ์กล่าวและว่า ขณะที่การเอกซเรย์ฟันปัจจุบันนี้ ไม่ได้เห็นเฉพาะฟันกับเหงือก แต่สามารถเห็นกระดูก เส้นประสาท หรือรากฟัน ซึ่งทำให้การวางแผนมีความละเอียดขึ้น ยิ่งผู้สูงอายุเจอปัญหาโรคเหงือก เรื่องการสลายตัวของกระดูก ดังนั้น ถ้าเอกซเรย์เห็นลึกถึงกระดูก ก็จะเห็นปัญหาทั้งหมดช่วยในเรื่องการวินิจฉัยได้ ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะแม่นยำขึ้น

มหกรรมสุขภาพยิ่งใหญ่ที่สุดของปี “Thailand Healthcare 2023 เกษียณสโมสร” ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 2 กรกฎาคม 2566 ที่สามย่านมิตรทาวน์ฮอลล์ ชั้น 5 ตั้งแต่เวลา 10.00 – 20.00 น. เดินทางสะดวกขึ้นรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน สถานีสามย่าน ทางออกที่ 2

เครดิต : มติชนออนไลน์ (https://www.matichon.co.th/local/quality-life/news_4059066)

ใส่ความเห็น