เกี่ยวกับการฝังรากฟันเทียม
รากฟันเทียมคืออะไร?
การแก้ปัญหาการสูญเสียฟันแท้ ที่ได้ผลลัพธ์ใกล้เคียงฟันธรรมชาติ
รากฟันเทียม คือ สกรูไททาเนียมคุณภาพสูงที่ใช้สำหรับการผ่าตัดฝังลงไปในกระดูกขากรรไกร โดยสกรูมีหลากหลายรูปแบบซึ่งแตกต่างกันในด้านความยาวและความกว้าง การเลือกใช้จะขึ้นอยู่กับปริมาณของกระดูกที่มี
เมื่อฝังรากฟันเทียมแล้ว รากฟันเทียมและกระดูกขากรรไกรจะเชื่อมติดกัน เรียกว่า กระบวนการ osseointegration ซึ่งกระบวนการนี้ช่วยให้รากฟันเทียมสามารถเลียนแบบการทำงานของรากฟันธรรมชาติได้ และทำหน้าที่รองรับ หรือ ยึดชิ้นงานทันตกรรมประดิษฐ์ต่างๆที่ออกแบบมาเพื่อทดแทนฟันที่หายไป เช่น ครอบฟัน สะพานฟัน หรือ ฟันปลอมชนิดติดแน่น
ที่คลินิกทันตกรรมสไมล์บ็อกซ์เลือกใช้รากฟันเทียมที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับผู้ป่วยของเรา ได้แก่ แบรนด์ Ostemm ที่ผลิตจากเกาหลีใต้ และแบรนด์ Straumann ที่ผลิตจากสวิตเซอร์แลนด์
การรักษาที่มุ่งเน้นผู้ป่วยเป็นสำคัญ
ทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของเราจะวางแผนการฝังรากฟันเทียมที่เหมาะสมกับเฉพาะบุคคล เพื่อให้ตรงตามความต้องการของคุณ โดยการพิจารณาถึงปัจจัยต่างๆ เช่น ความหนาแน่นของมวลกระดูกขากรรไกร สุขภาพของเหงือกและอวัยวะปริทันต์ รวมถึงการสบฟัน อีกทั้งยังใช้วัสดุคุณภาพสูง และเทคโนโลยีทันสมัยเพื่อการฝังรากฟันเทียมให้สามารถอยู่ร่วมกับฟันธรรมชาติได้อย่างกลมกลืน และให้ผลลัพธ์ที่คงทนในระยะยาว
เราให้ความสำคัญกับความพึงพอใจของผู้ป่วยทุกคน จึงมุ่งมั่นให้การดูแลรักษาอย่างใส่ใจตลอดทั้งกระบวนการฝังรากฟันเทียม ตั้งแต่ให้คำปรึกษา ไปจนถึงการติดตามอาการหลังการรักษาเสร็จสิ้น เคสรากฟันเทียมของเราเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจและความทุ่มเทในการมอบการรักษาทางทันตกรรมที่ดีที่สุด
คลิปวิดีโอสั้นๆจาก ทพ. วิชาญ แซกัล ผู้เชี่ยวชาญด้านรากฟันเทียมของเรา ที่จะมาอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับครอบฟัน และรากฟันเทียม
ข้อดี และข้อเสียของรากฟันเทียม
- เสริมภาพลักษณ์ให้ดูดีขึ้น: รากฟันเทียมมีลักษณะและให้ความรู้สึกที่ใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติ จึงช่วยให้คุณมีรอยยิ้มที่มีสเน่ห์และมั่นใจมากยิ่งขึ้น
- ให้ความรู้สึกและสัมผัสที่ดีกว่า: แตกต่างจากฟันปลอมที่อาจเลื่อนหลุด หรือ ทำให้รู้สึกระคายเคืองในช่องปาก รากฟันเทียมจะยึดติดแน่นในช่องปาก และสามารถใช้งานได้เหมือนกับฟันธรรมชาติ
- ออกเสียงได้ชัดเจนขึ้น: รากฟันเทียมจะทำให้สามารถพูดได้อย่างชัดเจนและมั่นใจมากกว่าการใส่ฟันปลอมที่หลวม หรือ การไม่มีฟัน
- รับประทานอาหารได้สะดวกมากขึ้น: รากฟันเทียมจะทำให้สามารถรับประทานอาหารได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น เนื่องจากรากฟันเทียมทำงานคล้ายกับฟันธรรมชาติจึงสามารถรับแรงบดเคี้ยวได้ดี
- อายุการใช้งานนาน: รากฟันเทียมมีความแข็งแรง และสามารถอยู่ได้นานหลายปี หากได้รับการดูแลรักษาที่เหมาะสม และถูกวิธี
- ช่วยรักษาสุขภาพช่องปาก: รากฟันเทียมสามารถช่วยคงสภาพความหนาแน่นของมวลกระดูก จึงช่วยป้องกันการสูญเสียฟันในอนาคตได้
- ค่ารักษา: รากฟันเทียมมีราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับวิธีการทดแทนฟันที่สูญเสียไปอื่นๆ เช่น ฟันปลอม หรือ สะพานฟัน
- ใช้เวลานานในการรักษา: การฝังรากฟันเทียมต้องทำการนัดหมายหลายครั้ง และมีช่วงที่จำเป็นต้องเว้นจากการรักษาเพื่อพักฟื้นแผลผ่าตัด ก่อนการนัดมาใส่ครอบฟัน หรือ สะพานฟันในขั้นตอนสุดท้าย
- มีการผ่าตัด: กระบวนการฝังรากฟันเทียมนั้นจำเป็นต้องทำการผ่าตัด ซึ่งอาจมีความเสี่ยง เช่น การติดเชื้อ หรือ การบาดเจ็บของเนื้อเยื่อและฟันใกล้เคียง
- ไม่ใช่วิธีการรักษาที่เหมาะสมกับทุกคน: การฝังรากฟันเทียมไม่ได้เหมาะสมกับผู้ป่วยทุกราย ผู้ที่สามารถรับการรักษาได้จำเป็นต้องมีสุขภาพเหงือกและอวัยวะปริทันต์ที่ดี มีปริมาณความหนาแน่นของมวลกระดูกที่เพียงพอ
- มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อน: แม้อาจเกิดขึ้นได้ยาก แต่การฝังรากฟันเทียมนั้นมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น การฝังรากฟันเทียมล้มเหลว หรือ การติดเชื้อบริเวณรากฟันเทียม
- การดูแลรักษา: รากฟันเทียมต้องการการดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้สามารถคงสภาพและใช้งานได้อย่างยาวนาน เช่น การตรวจสุขภาพฟันเป็นประจำ การแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันทุกวัน